ภาษาอังกฤษสำคัญสำหรับนักเดินทาง
Posted on March 10, 2014 19:51
Posted on March 10, 2014 19:51
ภาษาอังกฤษสำคัญมากสำหรับการเดินทาง
สำหรับคนไทยแล้ว ภาษาอังกฤษคงไม่ได้สำคัญสำหรับการเดินทางเพียงอย่างเดียว สำคัญสำหรับไม่ว่าจะการเรียน การดำเนินธุรกิจ การใช้ชีวิตในต่างแดน หรือแม้กระทั่งการใช้ชีวิตในบ้านเรา โดยเฉพาะคนที่ต้องติดต่อสื่อสารกับต่างชาติ
นอกจากนี้ การรู้มากกว่าหนึ่งภาษาก็ทำให้เราสามารถมีตัวเลือกหนังสือที่จะอ่านได้มากขึ้นไปโดยอัตโนมัติ
ภาษาอังกฤษสำหรับการเดินทางนั้น สำคัญมากเนื่องจากอะไร
1. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ส่วนใหญ่เป็นภาษาไทย เมื่อเราอยู่เมืองไทยมีผู้บริการแปลก็จริง แต่ถ้าฉุกเฉินต้องเดินไปสถานฑูตอื่นๆในต่างประเทศ เราต้องอ่านเอกสารออก รวมถึงสื่อสารเบื้องต้นให้เข้าใจได้ ไม่ใช่นั้นต้องไปหาล่าม นอกจากแพงแล้วใช่ว่าจะหาได้ง่าย
2. การปฏิบัติตัว ข้อห้าม เมื่อเราไปสถานที่ต่างๆ เค้าจะมีไว้เป็นภาษาท้องถิ่นและภาษาอังกฤษเท่านั้น แทบจะไม่มีเลยที่เค้าจะมีภาษาไทยแปลไว้ให้เรา
3. คนเกือบทั่วโลกรู้จักการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ แม้ว่าจะไม่ใช่ภาษาแรก แต่ก็ใช้เป็นภาษาที่สอง ถ้าเราอยากจะมีเพื่อนใหม่ๆ ระหว่างการเดินทาง เราต้องสื่อสารได้
4. หนังสือแนะนำการท่องเที่ยวเล่มที่เราถือติดตัวอาจจะเป็นภาษาไทย แต่เมื่อเราจะเอ่ยถามหรือสนทนา บางครั้งเราต้องการศัพท์ภาษาอังกฤษ เราต้องรู้ภาษาอังกฤษพื้นฐานพอสมควร
5. ป้ายบอกทาง ชื่อสถานที่ ตามประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นภาษาท้องถิ่น และถ้ามีภาษาที่สองก็เป็นภาษาอังกฤษอีก ไม่มีภาษาไทย
ถ้าเราไปในฐานะนักท่องเที่ยวแบบที่มีไกด์คนไทยพาไป ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าจะเป็นนักเดินทาง โดยเฉพาะแบบไปคนเดียว หรือ Solo Traveler เนี่ย ต้องรู้ภาษาอังกฤษระดับสื่อสารรู้เรื่อง อ่านออก ระดับหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องคล่องระดับเจ้าของภาษาแต่ในระดับเอาตัวรอดได้
หลายคนถามเข้ามาไม่ใช่เรื่องไม่รู้ความสำคัญ (เอิ่ม แล้วจะเกริ่นทำไม นั่นซิ 555) แต่คำถามคือ แล้วจะทำอย่างไรให้เก่งภาษาอังกฤษ ตอบแบบที่ใครๆ ก็ตอบได้คือ ก็ต้องเรียนและฝึกฝน (พี่คะ คำตอบพี่ช่วยมากเรยค่ะ แล้วก็สะบัดบ๊อบพร้อมกับเดินจากไป ม่ายยยยช่ายยย....555)
แต่นั่นคือคำตอบจริงๆ คือต้องเรียนและฝึกฝน ไม่มีทางอื่น เอาเป็นว่าแทนที่จะมาทำตัวเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ขอเล่าวิธีการเรียนและฝึกภาษาอังกฤษของตัวเองก็แล้วกัน เผื่อใครจะเอาไปใช้แล้วได้ผล ก็อนุโมทนาสาธุด้วย
ส่วนตัวเรียนจากที่ไหนอย่างไร
1. เริ่มเรียนตอน ป.5 หลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป
2. ระหว่าง ป.5 และ ป.6 มีครูสอนพิเศษภาษาอังกฤษ เพิ่มเติม ครูสอนเรื่องการออกเสียงและการผสมประโยค ก็เหมือนเด็กทั่วไป เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
3. เข้ามาม.ต้น เรียนพิเศษ AUA อยู่หนึ่งปีเพิ่มเติมจากหลักสูตรโรงเรียนรัฐบาลปกติ ยอมรับว่ามีความเข้าใจภาษาอังกฤษอาจจะมากกว่าเพื่อนๆนิดหน่อย แต่ยังพูดตอบโต้ไม่ได้ grammar ก็ยังไม่ดีเหมือนเดิม
4. ม.ปลาย ก็เรียนที่โรงเรียนปกติ
5. มหาวิทยาลัย เรียนเสริมนิดหน่อยอยู่หนึ่งเทอมตอนปีแรก หลังจากนั้นต้องอ่านเองอะไรเอง เพื่อสอบ TOEFL
แต่ทั้งหมดนี้ เรายังไม่สามารถสื่อสารตอบโต้ได้อย่างที่ใจคิด คือพอเข้าใจที่เค้าพูดมา แต่ตอบกลับไม่ได้ หรือตอบกลับแล้วเค้างง 555
Credit photo : Google
ระหว่างนี้รู้แล้วล่ะว่า ถ้าไม่ฝึกพูด ออกเสียง และจำศัทพ์เบื้องต้นได้ เราจะไม่สามารถตอบโต้ได้เลย เลยใช้วิธีฝึกแบบนี้
1. เอาหนังซีรีย์ หรือหนังอะไรก็ได้ที่เป็นภาษาอังกฤษ เลือกที่เป็นหนังประเภทดราม่า หรือหนังที่ใช้ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ มาเปิดเป็น soundtrack และให้มี subtitle เป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน เพื่อจะได้รู้ว่าแต่ละคำออกเสียงอย่างไร และถ้าไม่รู้ความหมายของคำศัพท์อย่าทิ้งไว้ เปิดพจนานุกรมหาคำตอบเลย และพยายามเข้าใจประโยคหรือองค์รวมของการสนทนา มากกว่าจะจำเป็นคำๆ ระหว่างนั้นฝึกออกเสียงที่ถูกต้องไปด้วย และจะเปิดซีรีย์เรื่องเดิมๆ หนังเรื่องเดิมๆ จะสังเกตว่าเราเข้าใจความหมายมากขึ้น เข้าใจความรู้สึกของมัน มากขึ้น
2. เมื่อฟังเพลงภาษาอังกฤษที่ชอบ ต้องหาเนื้อเพลงมา และทำความเข้าใจเนื้อเพลง ทำให้เวลาฟังเพลงนอกจากเพราะขึ้น เราเข้าใจความหมายและการออกเสียงที่ดีขึ้นด้วย เลือกเพลงง่ายๆ อย่าเอาแบบร๊อคตะโกน หรือใช้แสลงเยอะ (การเข้าใจแสลง เป็นความสำคัญลำดับรอง เน้นลำดับหลักก่อน)
3. และก็ถ้ามีโอกาสสนทนา พูดเลย ไม่ต้องอาย และขอให้ผู้ฟังแก้ไขสิ่งที่เราพูดผิดให้ด้วย และขอบคุณเค้าทุกครั้งที่เค้าช่วยบอกและแก้ไขให้เรา ทำให้เป็นนิสัย เมื่อเวลาเค้าบอก เราจะจำแม่นเชียว ว่าคราวหน้าจะใช้ไม่ผิด และอย่าอายที่จะพูด คิดไว้ในใจเสมอว่าภาษามีไว้สื่อสาร หน้าที่หลักของมันคือต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจว่าเราจะบอกว่าอะไร ความสลวยสวยงาม (ถ้าทำได้ เริ่ดค่ะ แต่ถ้ายังไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่) เอาไว้เมื่อเราสื่อสารระดับพื้นฐานได้แล้ว ความสลวยสวยงามก็จะค่อยๆตามมา
สิ่งที่ควรจำคือ
1. คนที่เค้าใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก หรือภาษาที่สองที่ใช้ได้คล่องเหมือนภาษาแรก เค้าจะไม่รู้สึกรำคาญ ดูถูกเหยียดหยามเรา แต่เค้ากลับจะอยากช่วยให้เราใช้มันได้ดียิ่งขึ้น และพยายามจะเข้าใจสิ่งที่เราสื่อสาร ดังนั้น เราก็ควรใช้ความเป็นคนไทยที่นอบน้อมถ่อมตน รู้จักรับมาและขอบคุณเค้า
2. เลิกเยาะเย้ย ดูถูก เพื่อนหรือคนไทยคนอื่นที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ไม่ดี เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้เค้ามั่นใจในการใช้ภาษาของเค้าแล้ว ยังสะท้อนมาที่ตัวเองให้ไม่กล้าพูด เพราะเกรงว่าจะผิดเช่นกัน
โรงเรียนสอนภาษาดีๆมีเยอะมากในบ้านเรา แต่ที่สำคัญที่สุดคือการหาวิธีฝึกฝนที่เหมาะสำหรับตัวเรา และลงมือปฏิบัติ ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ
อ่ออีกเรื่อง ส่วนเมื่อเราเดินทางไปประเทศที่เราไม่เคยไป ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษมากนัก เช่นภาษาที่ใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก เราอาจจะต้องเรียนภาษาเหล่านั้นเบื้องต้นไปบ้าง จะช่วยทำให้เราเดินทางได้สนุกมากขึ้น สื่อสารได้มากขึ้น การมี phrase books ติดตัวไปจำเป็นมากค่ะ
แถมท้ายด้วยสถิติเรื่องภาษาของคนทั่วโลก
ภาษาจีนกลาง Mandarin มีคนใช้ประมาณ1,000ล้าน
ภาษาอังกฤษ มีคนใช้ประมาณ 750ล้าน
ภาษาสเปน มีคนใช้ประมาณ 450ล้าน
ภาษาอาราบิค มีคนใช้ประมาณ 450ล้าน
ที่เหลือก็ภาษาอื่นๆ อีกมากมาย
ประชากรโลกโดยประมาณ 7,000ล้านคน เอาเป็นว่าถ้ารู้สี่ภาษาแรก ก็พูดกับคนได้ถึง 35% ของประชากรโลก อันนี้เผื่อว่าใครอยากจะพูดได้สี่ภาษา ก็แนะนำสี่ภาษาแรกเลยค่ะ บวกกับภาษาไทย ก็อีก 65 ล้านคน
Credit photo : Google