Posted on May 6, 2014 20:12
เดินทางออกจาก Santa Clara มุ่งหน้า Trinidad สถาปัตยกรรมแบบ colonial ของเมืองนี้เป็นหนึ่งในมรดกโลก ตั้งแต่ปี 1988
ระหว่างทาง แวะที่ Cienfuegos ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติน่าสนใจ คือชาวฝรั่งเศสอพยพมาอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่ออดีต ดังนั้นเราจะเห็นว่าคนที่เมืองนี้เป็นลูกผสมระหว่างชาวพื้นเมืองกับฝรั่งเศส นอกจากนี้ช่วงที่มีสงครามระหว่างอเมริกากับสเปน ทหารเรือของอเมริกาก็ใช้เมืองนี้เป็นเมืองขึ้นบก เมืองเล็กๆ แต่ก็มีสีสันมากเลยทีเดียว
หยุดทานอาหารที่ร้านอาหารริมหาดที่เมืองนี้ และเล่นน้ำทะเลกันพอหอมปากหอมคอ แล้วก็ไปต่อ
ระหว่างทาง ขอถ่ายรูปกับรถสีสวยคันนี้นิสนึง
มาถึง Trinidad ตอนบ่าย Trinidad เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมแบบ colonial ระดับมรดกโลกเลยทีเดียว
บ้านและถนนหนทางแบบ colonial
11 กันยายน
วันนี้เรามีกิจกรรมมากมาย มีทั้งเรียนเต้น Salsa (บอกตรงๆ ส่ายสะโพกสู้ชาวคิวบาไม่ได้เลย ต้องยกให้เค้าเรยเรื่องนี้ อิอิ)
หลังจากเรียนเต้นรำแล้ว หลายคนรวมถึงเราด้วย พยายามใช้อินเตอร์เนท โดยไป internet cafe อันนี้เป็นอะไรที่ช้าจริงไรจริง แต่ก็พอจะส่งข่าวได้บ้าง
ต่อด้วย อาหารค่ำริมทะเลคาริบเบียน ที่หาด playa ancon ปิ้งๆ ย่างๆ ปลาตัวโตๆ ดื่มอีกแล้ว พร้อมแช่ตัวในทะเล....สุขจริงไรจริง
ต่อด้วย ประสบการณ์ night life ที่นี่ ตอนเย็นหลังจากเราทานอาหารเย็นเรียบร้อย เราเดินเป็นกลุ่มไปที่ Casa de la Musica เป็นสถานที่เปิด ที่จะมีดนตรี และการเต้นรำแบบพื้นเมือง แน่นอน ก็ต้องมีการดื่มคอกเทลที่มีรัมเป็นส่วนผสมไปด้วย
หลังจากนั่งกันที่นี่จนถึงเวลาเกือบเที่ยงคืนก็ได้เวลาไปต่อกันที่ Disco Ayala ซึ่งเป็น Disco ในถ้ำ (อันนี้ไม่ใช่จำลองถ้ำ แต่เป็นถ้ำจริงๆ) แม่เจ้า เย็น ชื้น มืด ดีแท้ แต่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก เต้นกันกระจาย หมายถึงคนคิวบา เราส่ายสะโพกทีไปทั้งตัว 555 สู้ไม่ได้จริงๆ ขอบอก เอาเป็นว่าเต้นแบบเรา ดื่มให้เมา เด๋วดีเอง 555
ประสบการณ์ที่นี่ทำให้นึกถึงบ้านเราตรงที่ เด็กหนุ่มชาวคิวบา มีความต้องการอยากจะออกจากความยากจน พวกเค้าจะมา hang-out ที่นี่และชวนนักท่องเที่ยวผิวขาว ชาวต่างชาติ คุยและเต้นรำ เผื่อว่ามีโอกาสที่ผู้หญิงเหล่านั้นจะให้ทิปพิเศษ หรือถ้าโชคดีจริงๆ พาเค้าออกจากประเทศนี้ ไปเป็นแฟน อะไรก็ว่าไป คิดไปก็เศร้า แต่คิดไปอีกที ก็อย่าไปตัดสินเค้า เพราะเราไม่เป็นเค้าไม่รู้หรอก ว่า ความอยากที่จะออกจากความยากจน มันมีพลังให้คนทำได้ทุกอย่าง ส่วนผู้หญิงที่มาเที่ยวหลายคน จะด้วยความสงสาร หรือความอยากสนุกชั่วครั้งชั่วคราว เค้าก็เล่นด้วย บางคนถูกใจกันจริง ก็เป็นแฟนกันไป บางคนก็แค่สนุกชั่วข้ามคืน win-win คิดซะงั้น แต่เรารู้สึกว่าไม่ win เพราะเหมือนไปให้ความหวัง แล้วความหวังนั้นจะไม่มีวันเป็นจริง อกหักแล้วอกหักอีก วงจรชีวิตที่มีโอกาสไม่เท่ากัน เราทำได้แค่อย่าไปคิดมาก มอง ไตร่ตรอง อย่าตัดสิน แล้วก็ปลง คล้ายสถานการณ์บ้านเรากับผู้หญิงไทยบางกลุ่มเนาะ แต่ไม่ตัดสินใจใคร
เอาเป็นว่าคืนนี้ เราเป็นคนที่มีอัลกอฮอล์ในตัวน้อยที่สุด แต่ใช่ว่าไม่เมานะเนี่ย (Mojito เยอะไปนิสนึง) เพราะมัวแต่มอง 555 แต่ก็ได้แง่คิดเยอะเชียว ตอนเดินกลับนี่ซิ ตอนเดินไปนึกว่าไม่ไกล เดินกลับ ทำไมไกลจัง นี่ขนาดไม่เมาเท่าไหร่ ยังเดินตุปัดตุเป๋ กว่าจะถึงที่พัก ถึงห้องหลับหัวยังไม่แตะหมอนดีเรย เค้ามาววววววว...
12 กันยายน
เช้าวันใหม่ที่ Trinidad หลังจากเมาซะ ตื่นมาทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย ก็ขึ้นรถเพื่อไปอุทยานแห่งชาติ Topes de Collantes (Sierra del Escambray)
เดินป่า Tropical (ไม่ต่างจากบ้านเรา คือร้อนชื้น) เดินมาร้อนๆ มีน้ำตกอยู่ตรงหน้า สุดยอด แฮงก์จากเมื่อคืน สร่างเรยทีเดียว
ช่วงบ่ายหลังจากกลับจากน้ำตก เราก็นั่งชิลล์ๆ พร้อมเดินเล่นไปตามถนนในเมืองนี้ สีสันสวยจัง
คืนนี้มี party ส่งท้ายก่อนเช้าวันรุ่งขึ้นจะออกจากเมืองนี้ อุตสาหกรรมหลักของเมือง Trinidad คือ Tobacco หรือใบยาสูบ ที่นำมาทำซิการ์ชั้นดีของโลกนั่นแหละ จึงมีการแนะนำว่าที่นี่เป็นที่ที่ควรซื้อ ซิการ์ คุณภาพดี ราคาไม่แพง
13 กันยายน
วันนี้เดินทางต่อไป Camaguay เดินทางโดยรถออกจาก Trinidad ได้ไม่ไกล เราก็แวะที่ Valle de los Ingenios ชื่อถ้าแปลคือ Valley of the Sugar Mills เป็นพื้นที่เนินเขาติดต่อกันสามเนินเขา เหมาะแก่การปลูกอ้อย เพื่อทำน้ำตาล พื้นที่ปลูกที่นี่เรียกว่า Manaca Iznaga เมื่อช่วงสมัยรุ่งเรือง ที่นี่มีโรงงานน้ำตาลถึง 50 โรง มีทาสทำงานที่นี่มากกว่า 30,000คน ที่นี่มี tower หรือหอสูงเอาไว้สอดส่องการทำงานของทาสเหล่านี้เรียกว่า Iznaga Tower ซึ่งยังมีให้เห็นและได้รับการดูแลอย่างดี เมืองนี้ก็แน่นอนปัจจุบันไม่มีระบบทาสแล้ว แต่เป็นพื้นที่อนุรักษ์ เป็นมรดกโลกอีกทีหนึ่ง
แวะดูและขึ้นไปที่หอคอยด้วย มองลงมา วิวสวยมาก และด้านนอกก็จะมีชาวบ้านแถวนี้ขายของที่ระลึก
ถ้าไปสถานที่เหล่านี้และไม่รู้ประวัติ จะไม่ได้อรรถรสเลย คงมอง ก็ทุ่งเขียวๆ แล้วไง แต่ถ้ารู้จะสามารถสัมผัสความสวยงามปัจจุบัน จินตนาการอดีตเข้ามาผสม ทำให้ได้ feel มากๆ
หลังจากนั้นอีกสี่ชั่วโมง เราก็มาถึง Camaguay ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในภาคกลางของ Cuba เมืองนี้เมื่ออดีต ถือว่าขึ้นชื่อเรื่องโจรสลัดชุกชุมมาก ตัวเมืองเลยถูกย้ายจากที่ติดทะเล เข้ามาในแผ่นดินมากขึ้น ก็คือสถานที่ตั้งปัจจุบัน การสร้างเมืองใหม่ของที่นี่ ทำได้ไม่ดี layout เป็นอะไรที่ไม่ถูกต้องนัก ถนนเป็นแบบสั้นและแคบ จะด้วยสาเหตุที่ว่าสร้างเพื่อโจรสลัดจะได้ไม่มาบุกรุกได้ง่าย หรือเพราะการสร้างแบบไม่ได้วางแผนก็แล้วแต่ ทำให้เมืองนี้เป็นแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบัน จะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม เมืองนี้ก็มีสีสันสวยงามในแบบของตัวเอง
ร้านขายของชำที่นี่
square ที่ Camaguay
ลุงคนนี้เค้าจะมานั่งข้างรูปปั้นนี้ทุกวันให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป
เดิน นั่ง (ปั่น) สามล้อ ชมเมือง สีสันสวยงาม เพลินดี อีกอย่างเมื่อมาคิวบา ที่นี่กุ้ง lobster เป็นอะไรที่หาทานได้ง่าย ราคาไม่แพง มันเลยเป็นอาหารเกือบทุกมื้อที่อยู่ที่นี่เรย วิธีที่เค้าปรุง ถ้าแบบพื้นเมืองจริงๆ ก็จะปรุงแบบสุก เนื้อ lobster แข็งเลย ซึ่งจะไม่ใช่ texture ที่เราชอบทานเท่าไหร่ แต่ที่นี่มีร้านที่เจ้าของเป็นชาวต่างชาติ เค้าจะปรุงได้พอดี ไม่แข็งจนเกินไป อาหย่อยยยยย
และแน่นอน ไวน์ก็ต้องนำเข้าจากสเปน
คืนนี้พักที่ Camaguay หนึ่งคืน
จบตอนที่ 2 ประเทศคิวบาเท่านี้ก่อน ตอนถัดไปจะมาเล่าประสบการณ์ที่ Santiago de Cuba และ Baracoa ให้อ่านกันค่ะ