เส้นทาง Egypt-Jordan ตอนที่ 2
Posted on May 13, 2014 11:53
Posted on May 13, 2014 11:53
ตอนนี้ประสบการณ์ที่ Aswan, Abu Simbel temple และ Luxor
20 พ.ค. 55
เช้าวันนี้รถไฟจาก Cairo ก็มาถึง Aswan ตอนเช้า หลังจากลงจากรถไฟ นั่งแทกซี่ต่อไปยังโรงแรม
แทกซี่ เก๋มะ คันที่เรานั่ง สภาพประมาณนี้เรย หุหุหุ
โรงแรมที่พัก ที่มองเห็นดาดฟ้าสีฟ้าๆ ข้างล่างเป็นสระว่ายน้ำ
เมือง Luxor มุมจากแม่น้ำไนล์
หาอะไรทานมื้อเที่ยงแถวๆ นั้น ทำธุระกดเงิน ซักผ้าอะไรก็ว่าไป เสร็จเรียบร้อย บ่ายๆ ก็เดินไปชมตลาด bazaar ที่ Aswan ต่อด้วย boat ride ไปที่หาดใกล้ๆ (เป็นหาดน้ำไนล์นี่แหละที่แม่น้ำไนล์จรดกับทะเลทรายซาฮารา) ล่องไปที่ Elephantine island
วิวของเกาะ Elephantine island ตอนกลางวัน
และนี่ตอนพลบค่ำ
มี Kitchener's island ด้วยนะเนี่ย ชื่อเหมือน Kitchener ในแคนาดาเรย แต่เกาะนี้ที่นี่มี botanical garden หรือสวนพฤกษศาสตร์ อยู่กลางแม่น้ำไนล์
มีโอกาสได้ปีนทะเลทรายอีกครั้งไปบน sand dune แล้วมองลงมา สวยอ่ะ
หลังจากนั้น พวกเราก็แวะที่หมู่บ้าน Nubian (อยู่ที่ส่วนกลางของเกาะ Elephantine island) เป็นชาวพื้นเมืองแถบใต้ของอียิปต์และเหนือของซูดาน ดูวิถีชีวิตของเค้าและได้ไปทานอาหารในบ้านเค้าด้วย แม่บ้านเป็นคนทำอาหารเองเรย
ประทับใจอีกหนึ่งวันกับประสบการณ์ที่นี่
หลังจากนั้นก็นั่งเรือกลับโรงแรม
คืนนี้นอนเร็ว เพราะพรุ่งนี้เช้า เราตั้งใจจะไป Abu Simbel temple ที่จะต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 เพราะด้วยความที่อากาศมันจะร้อนมาก ดังนั้นต้องไปให้ถึงประมาณ 7-8โมงที่นั่น
21 พ.ค. 55
การไป Abu Simbel temple สามารถไปเครื่องบินก็ได้ หรือไปรถก็ได้ ถ้ามีคนแชร์รถ 4 คนขึ้นไป ไปรถจะคุ้มกว่า ระยะเวลาเท่ากันกับการไปนอนในรถ หรือเตรียมตัวไปและรอที่สนามบิน เบ็ดเสร็จแล้วเท่ากัน เราหาคนร่วมทริปด้วยได้ 4 คนพอดี ค่ารถ ค่าเข้า และค่าไกด์ท้องถิ่น ตกก็คนละ 100 USD แพงพอสมควร แต่รายการนี้พลาดไม่ได้จริงๆ
บางคนมองการณ์ไกล เอาหมอนขึ้นรถมาด้วย เราพลาดซะงั้น ไม่เป็นไร นอนได้เหมือนเดิม 555
ประมาณ 8 โมงเราก็ถึง จากงัวเงียๆ ตื่นเลย โอ้โฮ้ ยิ่งใหญ่อลังการมาก และยิ่งรู้ประวัติไปแล้วนะ ยิ่งทำให้น่าตะลึง (ตึ๊งตึ๊งตึ๊งตึง ตะลึงตะลึง...)
Abu Simbel temple คือวัด 2 วัดที่สร้างจากหินขนาดมหึมา ที่ Nubia ทางใต้ของอียิปต์ ที่นี่เป็นหนึ่งในมรดกโลก วัดนี้ถูกสร้างโดยการแกะ ตัดหินจากภูเขา ตั้งแต่สมัยที่ฟาโรห์ Ramesses II ครองราชย์ในช่วงศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตจักร เป็นอนุสรย์ของฟาโรห์และราชินี Nefertari
The Great Temple of Ramesses II
the Small Temple of Nefetari
เมื่อปี 1968 นี้เองที่ Abu Simbel temple ทั้งสองหลังมหึมานี้ ต้องถูกย้ายจากที่เดิม เพราะการตัดสินใจสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำกั้นแม่น้ำไนล์ จะทำให้วัดนี้จมน้ำถ้าหากไม่มีการย้าย การย้ายเป็นอะไรที่มหัศจรรย์สำหรับคนทั่วโลกมาก เพราะเค้าจะใช้วิธีวัด ตัด หินออกเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ แล้วก็ทำทะเบียนไว้ แล้วนำมาต่อให้เหมือนเดิมบนที่เนินที่ถูกสร้างขึ้น เหนือจากอ่างเก็บน้ำที่เกิดจากการสร้างเขื่อน Aswan High Dam ที่กักเก็บน้ำไนล์
ถ้าเราดูชัดๆ จะเห็นว่าจะมีรอยตัดหินเป็นสี่เหลี่ยมลูกบาศก์และเอามาต่อกันเหมือนเดิม ดูจากเส้นตรงบนผนังด้านหลังเหนือศรีษะของรูปปั้น
เหมือนเดิมแม้กระทั่งที่มันเคยขาดออกจากกัน เค้าก็เอามันกลับมาวางแบบขาดออกจากกันเหมือนเดิม คือตัด ย้าย วางเหมือนเดิมจริงๆ
Lake Nesser เมื่อมีเขื่อน Aswan High Dam ขึ้น มันก็ทำให้เกิดทะเลสาบขนาดใหญ่ หรืออ่างเก็บน้ำ Lake Nesser ขึ้น มองไปไกลๆ ตรงกลางอ่างเก็บน้ำนี้ ถ้าไม่มีการย้าย Abu Simbel Temple ขึ้นมา วัดนี้จะอยู่ใต้อ่างทันที
กฎของการเข้าชมโบราณสถานของอียิปต์ เหมือนเดิมทุกที่ ห้ามนำกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเวลาเข้าไปข้างใน (อนุญาตให้ถือติดตัวเข้าไป แต่ไม่ให้ถ่าย ให้ถ่ายด้านนอกเท่านั้น) ข้างในไม่มีกล้องวงจรปิดหรอกนะ แต่เค้าจะมีคนคอยเดินรวมอยู่กับนักท่องเที่ยว เรามองไม่ออกว่าเป็นเจ้าหน้าที่คอยจับตาดูอยู่ เพราะเค้าเกรงว่าแสงแฟลชจะทำให้สีที่ยังพอเหลืออยู่ภายในถูกทำลาย ถ้าเค้าจับได้ว่าแอบถ่าย เค้าก็ยังน่ารักนะ ไม่มา reset กล้อง แต่ขอดูรูป และให้ลบภาพที่ถ่ายภายในทิ้งต่อหน้าเค้าทั้งหมดเท่านั้น ถือว่าให้เกียรติ์นักท่องเที่ยวมากเลยอ่ะ
เดินจนรอบทั้งนอกและใน ยิ่งสาย อากาศยิ่งร้อน แบบร้อนขึ้นร้อนขึ้น จนกว่าจะรู้สึกตัว หมดแรง เพราะเสียเหงื่อไปมากโดยไม่รู้ตัว ต้องไปหาน้ำดื่มเติมให้กับร่างกาย นั่งพักซักแป๊บ ไอติมซักโคน แรงก็กลับมา
ขณะเดินกลับไปขึ้นรถ อย่างหมดแรง 555
ประมาณเกือบเที่ยง ได้เวลาเดินทางกลับโรงแรมใน Aswan กลับถึงโรงแรมนอนกลางวันไปนิสนึง แล้วก็มา relax ที่สระว่ายน้ำ ก่อนไปหาอะไรทานในตลาด bazaar
นอนที่โรงแรมเดิมอีกคืน
22 พ.ค. 55
เช้าวันนี้หลังจากอาหารเช้าเสร็จ เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม แล้วเอาของทั้งหมดลงเรือ feluccas เพื่อล่องแม่น้ำไนล์
เอกเขนกสบายใจบนเรือ feluccas ขณะล่องแม่น้ำไนล์
บรรยากาศระหว่างล่องเรือ
ชมพระอาทิตย์อัสดงที่แม่น้ำไนล์แล้ว พวกเราทานอาหารเย็นด้วยกัน ส่วนเครื่องดื่มเราต้องคิดล่วงหน้าว่าเราจะดื่มอะไรตลอดสองวันและหนึ่งคืนบนเรือ feluccas เพราะลูกเรือจะเอาขึ้นเรือเท่าที่เราต้องการ ลูกเรือทั้งหมดเป็นชาว Nubian รวมถึงพ่อครัวคนนี้ ที่ทำกับข้าวได้อร่อยมาก (เกิดมาเป็นคนกินง่าย กินอะไรก็อร่อย เฮ้อออ ไม่มีผอม)
พระอาทิตย์อัสดงที่แม่น้ำไนล์
ทานอาหารเย็นด้วยกัน บนดาดฟ้าเรือ feluccas
ก่อนฟ้าจะมืด ควรทายากันยุงให้เรียบร้อย อากาศที่นี่กลางวันร้อนมาก กลางคืนเย็นลงมากเช่นกัน แต่ดีที่เดือนนี้เป็นเดือนหน้าร้อนแล้ว ไม่หนาวจนทนไม่ไหว (ถ้าเป็นระหว่างเดือน ต.ค. ถึง มี.ค. กลางคืนหนาวได้ถึง 5 องศา) ด้วยความที่ไม่เคยจะหลับอะไรจะเร็วขนาดนี้ ฟ้ามืดนอนเลยเนี่ย เป็นไปได้ยาก เลยต้องหาเกมส์ประเภทเกมส์เล่นได้หลายคนและสามารถเยาะเย้ยถากถางกันได้เนี่ยเหมาะมาก UNO card ใช้ได้ทุกที่ไป เล่นจนกระทั่งรู้สึกง่วง ค่อยนอน บางคนยังไม่ง่วงก็นั่งดูฟ้าดูดาวไป
ประสบการณ์ที่ดีมากๆ อีกหนึ่งวันบนแม่น้ำไนล์ นอกจากนี้ สี่คนในกลุ่มนี้เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกชาวแคนาดา ที่เป็นมิตรมาก หลังจากทริปนี้แล้ว เค้าชวนให้ไปแวะบ้านเค้าที่โตรอนโต ไม่ได้มีแผนจะไป แต่สุดท้ายเราก็ไปแวะ เพราะเค้าชวนนี่แหละ น่ารักมากๆ
23 พ.ค. 55
ตื่นเช้ามาบนแม่น้ำไนล์ (เจ๋งอ่ะ) ทำภาระกิจตอนเช้าตามปกติ ก็ทานอาหารเช้าฝีมือพ่อครัวชาว Nubian เหมือนเดิม
พ่อครัวชาว Nubian ของเรา
แล้วก็ล่องเรือกลับขึ้นฝั่งที่ Aswan แล้วต่อด้วยรถมินิแวน ไปยัง Luxor ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 3.5 ชั่วโมง
เมื่อถึง Luxor เราก็ไปสำรวจ Karnak temple กัน
Layout Karnak Temple
Karnak Temple
ทุกผนังจะมีการแกะสลักหิน เป็นเรื่องราวที่ช่วยให้นักโบราณคดีพยายามประกอบเรื่องราวเข้าด้วยกันได้
เพดานที่การเขียนเรื่องราวยังมีสีเดิมติดอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งปลูกสร้างที่เกิดขึ้นก่อนคริสตจักรตั้งหลายพันปีจะยังคงไว้ในนานขนาดนี้
เสร็จจาก Karnak temple แวะทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารอียิปต์ที่ Luxor souq ระหว่างทางเราจะเห็นว่าทางเชื่อม Karnak temple กับ Luxor temple ที่ปัจจุบันมีเมืองอยู่ล้อมรอบหมดแล้ว
Luxor souq
และขากลับก็แวะถ่ายรูปที่ Luxor temple ช่วงกลางคืน ระหว่างเดินเท้ากลับโรงแรม
24 พ.ค. 55
วันนี้ไปสำรวจทางด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ซึ่งจุดมุ่งหมายสำคัญคือ Valley of the King และ Colossi of Memnon
ไปถึง West bank เราก็แทนที่จะไปรถ เราก็ไปที่หมูบ้านแห่งหนึ่ง และก็ลงเพื่อขี่ลา (อันนี้เพื่อให้ได้บรรยากาศแบบ local จริงๆ) ขี่ลาเพื่อท่องไปหมู่บ้านแถบนั้น ผ่านไร่อ้อย และต่อไปยัง Valley of the King
Valley of the King (Source : Wikipedia) ภาพนี้ต้องถ่ายโดยการขึ้นบอลลูน ไม่ได้ขึ้นอ่ะ เลยเอาบนเว็บมา refer ไว้
ส่วนรูปนี้ถ่ายเองจากถนนมองเข้าไปในพื้นที่ส่วนหนึ่งของ Valley of the King ที่ยังขุดอยู่เลย
ใน Valley of the King เราเข้าไปดู 3 tombs (ที่เป็นเพียงห้องที่ผนังมีภาพเขียนเรื่องราวเช่นเคย แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป) และอีกหนึ่ง tomb ที่เราเข้าไปดูคือ tomb ที่มี mummy ของ King Tut หรือ King Tutankhamun (photo source : google)
ตอนขากลับจาก Valley of the King แวะไปที่ Colossi of Memnon ซึ่งเป็น 2 รูปปั้นหินขนาดมหึมาของฟาโรห์ Amenhotep III สร้างเมื่อ 3,400ปีที่แล้ว ตั้งแต่ 1350 ก่อนคริสตจักร BC ซึ่งเป็นรูปปั้นที่ยึนที่ Theban Necropolis ซึ่งเป็นนครที่อยู่คนละฝั่งแม่น้ำไนล์กับ Luxor
ใหญ่จริงไรจริง
ต่อด้วยทานอาหารกลางวันกับชาวพื้นเมืองอีกบ้าน อื่มอร่อยอีกแล้ว
หลังจากนั้นกลับไป Luxor เพื่อเตรียมตัวที่ฝากไว้กับโรงแรมตอนเช้า แล้วต่อไปยังสถานีรถไฟ คืนนี้ขึ้นรถไฟ (รถนอน) กลับไปที่ไคโร
จบตอนที่ 2 ที่นี่ แล้วจะมาเล่าต่ออียิปต์ตอนที่ 3 ก่อนจะข้ามไปจอร์แดนค่ะ