Posted on July 9, 2014 20:55
ตอนนี้เป็นประสบการณ์ที่ Santiago de Cuba-Baracoa และกลับไปยัง Havana เพื่อต่อไปอเมริกากลาง
14 กันยายน
ออกจาก Camaguay เพื่อต่อไปยัง Santiago de Cuba ระหว่างทางผ่านเมือง Tunas
และผ่านเมือง Bayamo เพื่อหยุดทานอาหารกลางวัน ร้านอาหารนี้มีสีสันมาก คือเค้ามีวงดนตรี Salsa เล่น และให้พวกเราร่วมเต้น สนุกสนาน เค้าได้อะไร เค้าได้ขายเครื่องดื่ม (แน่นอนมาเมืองร้อนแบบนี้ ก็ต้องน้ำผลไม้สดทั้งหลาย ส่วนจะผสมรัมหรือไม่ก็แล้วแต่ชอบเลยค่าาาา)
สังเกตว่าทุกเมืองของ Cuba จะมี square ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบ colonial
กิจกรรมยามกลางวันแบบนี้ ชาวคิวบาก็นั่งเล่นหมากรุก หมากฮอส หรือ checker กันไป
แล้วเราก็มาถึง Santiago de Cuba ช่วงบ่าย เข้าพักที่ home-stay เจ้าของบ้านน่ารักมากอีกแล้ว
Santiago de Cuba เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดการปฏิวัติของประเทศนี้ เมืองนี้มีชาว Afro-cuban จำนวนมาก ก็คือชาวคิวบาที่มีลักษณะที่เราคุ้นเคย คือตัวใหญ่ดำเมี่ยม เหตุเพราะเมื่ออดีตชาวอัฟริกาได้ถูกนำเข้ามาเพื่อเป็นทาสในธุรกิจหลายอย่าง เช่น เหมืองแร่ และปศุสัตว์ทั้งหลาย และยังจะพวกทาสที่เป็นกบฎ ได้ช่วยให้ชาวฝรั่งเศสอพยพเข้ามาในประเทศนี้ด้วย ทำให้เมือง Santiago นี้มีการผสมของคนหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะชาวคิวบาเดิม ชาวสเปน ชาวฝรั่งเศส ชาวอัฟริกา ดังนั้นสีสันของเมืองนี้ก็คือ ผู้คนที่ลักษณะแตกต่างกัน แค่นั่งมองคนเดินผ่านไปผ่านมา แล้วทายว่าเค้าน่าจะเป็นลูกผสมระหว่างอะไรกับอะไรก็สนุกแล้ว 555
เย็นวันนี้นั่งทานอาหารที่ home-stay ก่อนที่จะออกมาสัมผัสชีวิต night life ที่ square ของ Santiago de Cuba บรรยากาศยามค่ำคืน ก็สวยไปอีกแบบอย่างนี้
15-16 กันยายน เป็นสองวันในการสำรวจเมือง Santiago โดยรอบ
ใช่ว่าจะมีแค่ผู้คนที่น่าสนใจ อย่างที่บอกเมืองนี้เป็นแหล่งกำเนิดการปฏิวัติ ดังนั้นสถานที่ที่น่าสนใจก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บเรื่องราวการปฏิวัติ ในยุค Fidel Castro ต่อต้าน Batista (ใครสนใจอ่านประวัติศาสตร์ของคิวบา หาอ่านได้มากมาย คนสำคัญสมัยนั้นมีมากมาย แต่ที่พวกเราคุ้นหูก็คงเป็น Castro, Batista และ Che อันนี้เป็นแบบปฏิวัติเข่นฆ่ากันจริงๆ ตายกันเหมือนผัก ปลา น่ากลัวมาก) เอาเป็นว่าถ้าจะไปคิวบา ก็อ่านให้รู้ประวัติบ้างก็จะดี เพราะเวลาเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ กับสถานที่ที่เค้าเก็บรักษาไว้ มันช่วยให้เห็นภาพความโหดร้ายเหล่านั้นได้มากทีเดียว
และป้อมปราการ San Pedro de la Roca อันนี้ถือว่าเป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันเมืองที่มีความสมบูรณ์มาก เป็นสถาปัตยกรรมทางทหารของกองทัพสเปน อเมริกัน ที่ใช้หลักการออกแบบของอิตาลี่และแบบ renaissance ที่นี่เช่นกันเป็นอีกหนึ่งในมรดกโลก
เตรียมกระสุนให้พร้อมก่อนทำการยิงแสดงให้นักท่องเที่ยวดู เรามาทันรอบโชว์พอดีเรย โชคดีจริงๆ
บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ตกที่ขอบฟ้าทะเลคาริบเบียน จากป้อมปราการ San Pedro de la Roca
นอกจากนี้เมืองนี้คือบ้านเกิดของ Bacardi ยี่ห้อเหล้ารัม ที่เราคุ้นเคยนั่นแหละ แต่ประวัตินั้นน่าเจ็บใจที่แบรนด์นี้ได้ถูกขโมยจากตระกูลในคิวบาไปพร้อมกับเหลนชาย ที่หนีจากคิวบาไปตั้งรกรากที่อเมริกาพร้อมลิขสิทธิ์ครอบครองชื่อ Bacardi นี่ทำให้เจ้าของ Bacardi เดิมต้องเปลี่ยนชื่อเป็น Havana Club
(ใครสนใจอ่านประวัติก็ลิงค์นี้เลย http://www.therumelier.com/id74.html)
บ้าน Bacardi
Cementerio Santa Ifigenia ซึ่งเป็นสุสานที่เก็บศพของคนสำคัญที่เสียขีวิตจากการปฏิวัติ นอกจากนี้ยังมี Jose Marti (กวี นักเขียน นักปรัชญาปฏิวัติ คนสำคัญของคิวบา) และ Emillio Bacardi ด้วย
สองวันนี้ไปหลายที่มาก สนุก ร้อน และข้อมูลเต็มหัวไปหมด
Santiago ตอนกลางวัน
17 กันยายน
วันนี้ต้องเดินทางถึง 8 ชั่วโมง เพื่อไปให้ถึง Baracoa
ทางบางช่วง (ช่วงยาวมากด้วย) ต้องเป็นการขับขึ้นเขา เขี๊ยวเขียว สวยดีนะ
และแล้วการที่รถใหญ่ต้องขับขึ้นเขาเป็นเวลานานพอควร ก็ไม่อยากทำงานซะงั้น พวกเราต้องหยุดกลางทาง รอให้หม้อน้ำลดความร้อนลง
ระหว่างนี้มีคนท้องถิ่นมาขายของ ขนมทานเล่นที่นี่เป็น มะพร้าวขูดเคี่ยวกับน้ำตาลและชอคโกแลต อร่อยดีทีเดียว หวานๆ หอมๆ มันๆ มีรสชาดของชอคโกแลต
ก่อนถึง Baracoa
และแล้วก็มาถึง Baracoa วันนี้นอน home-stay บ้านที่เรานอนด้วย เป็นครอบครัวน่ารักอีกเช่นเคย เอาของวาง รับกุญแจห้อง ก็ออกไปสำรวจเรย
คืนนี้นั่งอาหารค่ำที่ square เครื่องดื่มก็ mojito เหมือนเคย หลังจากทริปนี้น้ำตาลคงขึ้นเพียบเรย เพราะใน mojito น้ำตาลทั้งน้านนนนน 555
ที่นี่มีวงดนตรีเล่น ไม่ว่าจะคนที่นี่ นักท่องเที่ยว ก็ออกมาเต้นรำกันได้ตามอัธยาศัย เล่นกันบนถนนคนเดิน เค้าปิดบางช่วงให้เป็นช่วงคนเดิน เล่นมันกลางถนน ใช้ถนนเป็น ฟลอร์กันเรย คนที่จ้างวงดนตรีมาเล่น ก็ร้านอาหารแถวนี้แหละ เพราะเค้าจะได้ขายเครื่องดื่ม
เสร็จจากบริเวณนี้ เมาแล้วนะ แต่หลายคนยังอยากไปต่อ เมาแล้วนี่ เอ๊า ว่าไงว่าตามกัน กลุ่มใหญ๋ไม่เป็นไร ก็ไปผับบนเขา โอ้โห กว่าจะเดินถึงเล่นเอาสร่างเมากันเรยทีเดียว แล้วก็ dance กันกระจาย ตอนเดินกลับ แถบจำไม่ได้ว่าบ้านพักตัวเองอยู่ตรงไหน ถึงห้อง หัวยังไม่ถึงหมอน หลับกลางอากาศอีกคืน
18 กันยายน
รู้ว่าหนักกันมากเมื่อคืน วันนี้เราเริ่มสายหน่อย ทานอาหารเช้าเสร็จ (แม่บ้านของครอบครัวนี้เตรียมให้ อร่อยนะ แต่แฮงค์ กินได้แต่น้ำผลไม้กับกาแฟ สมน้ำหน้า)
Baracoa เป็นเมืองที่อยู่ปากอ่าว แปลว่ามีเมืองที่มีแม่น้ำไหลออกสู่ปากอ่าวลงทะเล แล้วยังมีภูเขา Sierra del Purial อยู่อีกด้าน เป็นเมืองที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ Baracoa ยังเป็นเมืองที่ผลิตโกโก้หลักของประเทศคิวบา เราก็ต้องไปไร่โกโก้กัน เรียนรู้ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การคั่ว และแน่นอนก็ต้องจบที่การชิมโกโก้ว่าอร่อยจริงๆนะ
โกโก้ ต้องการร่มเงา ดังนั้นในไร่จะมีไม้สูงที่เอาไว้ให้ร่มกับต้นโกโก้
ผลเล็กๆ จิ๋วๆ
ผลที่เกือบพร้อมจะเอาไปกะเทาะและคั่วต่อไป
ผู้จัดการไร่มาเสิร์ฟโกโก้ร้อนเองเรย
หลังจากไร่โกโก้ เราก็ไปที่ปากอ่าวของเมืองนี้ ก็ต้องนั่งเรือพายออกไปตามแม่น้ำ
ที่ปากอ่าว แม่น้ำจรดกับทะเล สวยลืมหายใจกันไปชั่วขณะ
เล่นน้ำคลายร้อนแล้วก็กลับเข้าที่พัก
คืนนี้พวกเราตกลงกันว่าจะทานอาหารแบบ Baracoa local แบบ local นี่เค้าเสิร์ฟอาหารแบบมากมายเหลือเฟือมากๆ ชนิดที่ว่าไม่มีทางที่พวกเราจะทานหมดได้ ทำได้แค่พยายามทานทุกอย่างอย่างละคำสองคำ ของโปรดจากเมนูทั้งหมด ก็ไม่พ้นกุ้ง lobster ไอศครีมกะทิที่มาในถ้วยเปลือกโกโก้และเม็ดสด ทานด้วยกันอร่อยอ่ะ และที่เป็น hilight สุดๆ คือการดื่มรัมแบบเฉพาะของคนที่นี่
การดื่มรัมแบบเฉพาะของคนที่นี่ คือการดื่มไปรัมกับน้ำอ้อยคั้นสดไปพร้อมๆ กัน แบบนี้ ขอบอกว่าที่สุดอ่ะ อร่อย แบบนี้ก็จะเมาแบบไม่มีทางรู้ตัว เพราะมันรสหวานกินง่ายเจงๆ
19 กันยายน
เดินทางโดยรถจาก Baracoa มาที่ Santiago de Cuba เพื่อขึ้นเครื่องกลับ Havana ผ่าน Guantanamo เมืองนี้เมื่ออดีตมีความสำคัญโดยเฉพาะในช่วงสงครามสเปนอเมริกา Guantánamo Bay ที่นี่อเมริกาใช้เป็นฐานทางทหารเรือในช่วงนั้น ดังนั้นเมื่อผ่าน ก็ต้องมีอะไรไว้ระลึกถึงว่ามาถึงที่นี่นะ แม้ว่าจะแค่ผ่านก็ตาม
ความพยายามจะถ่ายรูปรวมทั้งกลุ่มกับป้าย
คืนนี้พักที่ Santiago เพราะไม่มี flight กลางคืน
20 กันยายน
บินจาก Santiago ไป Havana
ถึงแว้วววว Havana
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะทานอาหารเย็นด้วยกันแบบทั้งกลุ่ม ก่อนแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน
21 กันยายน
วันนี้มีเวลาทั้งวันที่จะชิลล์ๆ ที่ Havana อีกหนึ่งวัน บางคนเดินทางกลับวันนี้ ส่วนเราอยู่ต่อหนึ่งวัน
22 กันยายน
ประสบการณ์ที่ประทับใจที่คิวบาก็จบลง ได้เพื่อนใหม่หลายคน ได้รู้จักคิวบามากขึ้น ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ ได้รู้ว่าคนที่นี่มีน้ำใจ แต่ในหมู่คนดี ก็มีคนไม่ดีรวมอยู่ด้วย เหมือนกันทุกที่ในโลกใบนี้ (ไม่ใช่เฉพาะในที่ที่เราไปเยี่ยม แต่มีรวมอยู่ในกลุ่มที่เดินทางด้วยกันด้วยเช่นกัน) ประเทศเป็นประเทศถือว่ายังด้อยพัฒนา เทคโนโลยีการสื่อสารยังห่างไกลจากบ้านเราเยอะมาก
วันนี้ บอกลาคิวบา เพื่อเดินทางต่อไปยัง Guatemala ที่อเมริกากลาง