ตอนจบของเส้นทางนี้เริ่มจากทิ้ง Wadi Rum ไว้เบื้องหลัง เพื่อไป Petra และต่อไป Madaba

 

30 พ.ค. 55

เดินทางออกจาก Wadi Rum หลังจากอาหารเช้า เพื่อไป Petra ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนอื่น check-in โรงแรม เก็บของก่อน ก็มุ่งหน้าไป Petra เลย ที่นี่กว้างมากเพราะมันก็คือเมืองโบราณทั้งเมือง ถ้าอยากเดินให้ได้มากที่สุด ก็ต้องเตรียมกำลังขา Sun Block เพราะแดดร้อนมากๆ 40-45 องศา ยิ่งสายยิ่งร้อน และสำคัญน้ำต้องมีติดตัวตลอดเวลา และต้องระวังอาจเป็นลมแดดกลางทางได้ 

Petra คือเมืองโบราณของชาว Nabataean และ Petra ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก Petra เป็นที่รู้จักของโลกมากขึ้นก็โดยการสำรวจของ Johann Ludwig Burckhardt นักสำรวจชาวสวิส ซึ่งเค้าได้อธิบายไว้ว่า 'a rose-red city half as old as time’ หรือ (ตามที่มีคนไทยเรียกไว้)​ ศิลานครสีชมพู (เก๋เนาะ)​ ที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าในสมัยโบราณ เมือง Petra นี้เป็นเมืองที่ถูกปิดล้อมด้วยภูเขาสูง มีทางผ่านเป็นโตรกเขาแคบๆ ที่วกเวียน Burckhardt ได้บันทึกเรื่องราวการเดินทางของเค้าเกี่ยวกับ Petra ไว้ในหนังสือชื่อ Travels in Syria and the Holy Land

Petra เป็นหนึ่งในมรดกโลก และ UNESCO ได้อธิบายเกี่ยวกับ Petra ว่า “Petra เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางด้านวัฒนธรรมชิ้นที่มีค่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของมวลมนุษยชาติ” 

สถาปัตยกรรมของ Petra มีทั้งกลิ่นอายของโรมัน กรีก อียิปต์ และ Nabataeans อยู่ด้วยกัน และมีร่องรอยให้เห็นว่ามีความรุ่งเรืองเมื่ออดีต แน่นอนมีความรุ่งเรืองก็มีสมบัติ โดยเฉพาะที่ฝังอยู่กับที่เก็บศพ พอความรุ่งเรืองหมดไป ศูนย์กลางการค้าก็ย้ายไปที่อื่น ส่วนสมบัติที่ฝังหรือเก็บไว้กับที่เก็บศพทั้งหลาย ก็สูญหายเพราะพวกล่าสมบัติทั้งหลายในเวลาต่อมา

ส่วนประวัติที่มาที่ไปของเมืองนี้ ใครสนใจถามอากู๋เลยค่ะ จะถูกต้องกว่า 

สำหรับเราเมื่อมองเห็นเมืองนี้ บอกได้เลยว่าการสร้างปิระมิดว่ายากแล้ว การสร้างเมืองนี้ยากกว่า เพราะเป็นการแกะไปบนภูเขาหินโดยตรง เสียซ่อมไม่ได้ การแกะหินแต่ละก้อนให้ได้ตามแบบที่วางไว้ ต้องมีความแม่นยำมาก ไม่แปลกใจที่ UNESCO ได้อธิบายไว้อย่างนั้น และยังได้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่สุดอ่ะ

วันนี้กว่าจะมาถึง Petra ก็ 11 โมง อากาศเริ่มร้อนมากแล้ว เราซื้อตั๋วสองวัน แล้วก็สำรวจถึงแค่ที่ Al Khazneh หรือ The Treasury at Petra 

บัตรเข้า Petra สองวัน

Al Khazneh หรือ The Treasury

ร้อนมาก เอาไว้พรุ่งนี้มาลุยต่อแบบเต็มๆ ว่าแล้วก็เดินกลับไปพัก ทานอาหารเย็น วางแผนการเดินใน Petra พรุ่งนี้

31 พ.ค. 55

วันนี้ทานอาหารเช้าเสร็จ ต้องรีบไป Petra เลย เริ่มแต่เช้า ซ้อมมาแล้วหนึ่งวัน วันนี้จัดเต็ม ความตั้งใจเราจะเดินให้ครอบคลุมพื้นที่ตามแผนผังข้างล่างนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ขาและกำลังจะทำให้ได้เวลา 5-6 ชั่วโมง 

Credit ภาพแผนผังจาก Wikipedia

เอกลักษณ์ที่สำคัญของ Petra ทางเข้าเมืองจะเป็นทางแคบๆ แบบนี้

เมื่อเดินผ่าน Treasury เข้ามาก็เห็นเมืองอลังการมากๆ

มหัศจรรย์ของอารยธรรมเมื่ออดีตของที่นี่ กับการสร้างเมืองที่แกะไปบนภูเขาหินโดยตรง เสียซ่อมไม่ได้ การแกะหินแต่ละก้อนให้ได้ตามแบบที่วางไว้ ต้องมีความแม่นยำมาก

Theater จากมุมบน

จุดนี้มองเห็น Treasury จากด้านบน 

และโขดหินอีกด้าน มองลงไปขาสั่นพั่บๆ แต่อยากมีรูปกับไอ้ม้าตัวนี้เป็นที่ระลึกจากที่สูง โอ๊ย กลัวความสูง 555

ขณะเดินขึ้นไปที่จุดสูงสุด มองลงมาก็เห็นหลายๆจุดเมืองจากด้านบน สวยงามไปอีกแบบ

จุดนี้เป็นจุดสูงสุด มองลงไปเห็นแต่ละจุดของเมืองเป็นจุดเล็กๆ เรย

เดินขึ้นมาเหนื่อยจิงไรจิง อยากมีคอปเตอร์ไม้ไผ่มาพาลงไปมากๆ แต่ก็ไม่มี เรยต้องเดินลงมาด้วยขาของตัวเอง แถมอ้อมไปอีกด้านของเมือง แข็งแรงจริงๆ เราเนี่ย 555

ระหว่างทางก็จะมี Hall มี Tomb ที่เก็บหลุมศพของทั้งระดับราชนุกูลและคนธรรมดาให้เราชมไปตลอดทาง เค้ามีป้ายบอกรายละเอียดตลอดทาง ถ้าไม่ร้อนหรือเหนื่อยจนเกินไป คนแข็งแรงๆ จะเพลินมาก

เดินมาถึง Ad Deir หรือ Monastery ที่อยู่อีกฝั่งเรย ถึงตอนนี้บอกตรง ขาเริ่มไม่อยากก้าว เลยทำให้นึกถึงว่าคนสมัยโน้น เค้าอยู่ในเมืองอีกฝากแล้วต้องมาสักการะที่นี่ทุกวัน เดินกันเก่งจริงๆ 

มีภาพมากมายหลายร้อยจากที่นี่ แต่ลงหมดคงไม่ไหว เมื่อเวลาว่างๆ เอามานั่งดู เพลิ๊นเพลิน ขอบอก อิอิ

ออกจาก Petra ประมาณเกือบบ่ายสองโมง เพลียเพราะเสียเหงื่อเยอะมาก เดินออกมาได้ จัดไอติม Petra ไปสองอัน ตามด้วยน้ำหวาน เออ ค่อยมีแรงหน่อย แล้วเราก็ค่อยๆ เดินกลับมาที่โรงแรม ระหว่างทางก็ชมของข้างทางไปด้วย เพลินจัง 

ก่อนเย็นทานอาหารด้วยกันทั้งกลุ่มวันนี้ ก่อนไปดูโชว์ตอนกลางคืนที่ Petra บรรยากาศที่ประทับใจมาก 

1 มิ.ย. 55 

วันนี้เดินทางไปบน King's Highway เพื่อไป castle of Kerak 

Castle of Kerak ที่นี่เป็นซากปรักหักพังที่สะท้อนภาพในอดีตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตำนานของสงครามระหว่าง Crusaders และกองทัพมุสลิม นำโดย Saladin (Salah ad-Din) ในช่วงศตวรรษที่ 12 

อ่อ ความรู้อีกอย่าง น้ำที่เค็มกว่าน้ำทะเลถึง 7 เท่าของ Dead Sea ไม่ใช่น้ำที่เค็มที่สุดในโลก แต่มีความเค็มเป็นอันดับสองรองจาก Lake Assal ในประเทศ Djibouti (ประเทศนี้อยู่ระหว่างประเทศเอธิโอเปียกับโซมาเลีย) ซึ่งอยู่ทางด้านเหนือสุดของ Great Rift Valley ในทวีปอัฟริกา 

2 มิ.ย. 55 

วันนี้เป็นวันของการแยกย้ายกันไป บางคนเดินทางต่อไปอิสราเอล บางคนวางแผนไปสำรวจ Amman ก่อนกลับบ้าน ส่วนเราจบทริปที่จอร์แดนวันนี้ด้วยการเดินทางไป Amman เพื่อนั่งเครื่องต่อไปตุรกี ในเช้าวันนี้เลย