Trans-Mongolian ตอนที่ 3 ตอนจบ
Posted on September 20, 2014 12:14
Posted on September 20, 2014 12:14
ตอนนี้เป็นประสบการณ์จาก Ulaanbaatar ถึงปักกิ่ง
24 มิ.ย. 55
หกโมงเช้าวันนี้ถึงเมือง Ulaanbaatar มีคนมารับที่สถานีรถไฟ
หลังจากแวะดื่มกาแฟให้หายง่วงแล้ว เราก็ไปชมเมือง Ulaanbaatar เมืองหลวงของมองโกเลียเสียหน่อย
Ulaanbaatar from the top
Government house@Sükhbaatar Square ก็คือทำเนียบรัฐบาลนี่แหละ ด้านหน้ามีรูปปั้น Genghis Khan
รูปปั้น Damdin Sükhbaatar ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค Mongolia People's Party และเป็นผู้นำกองทัพในช่วงปฏิวัติรัฐประหารในปี 1921 เค้าถูกยกให้เป็นบิดาแห่งการปฏิวัติของมองโกเลีย
@Gandan Monastery
ช่วงบ่ายก็นั่งรถไปยัง Elstei Ger Lodge ห่างออกไปจาก Ulaanbaatar ประมาณ 55 กม. เป็นบริเวณ Open Steppe เราจะนอน Ger คืนนี้
ที่นี่เงียบมาก กิจกรรมกลางคืนไม่มีอะไร เพราะไม่มีทีวี ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มาพักที่ Ger ก็ต้องหากิจกรรมฆ่าเวลากันเอง ไพ่ UNO ที่นำไปด้วย ได้ประโยชน์อีกแล้ว และคนอื่นๆ ก็งัดเกมส์ต่างๆ ออกมาเล่นกันมากมาย ส่วนใหญ่ ก็วนอยู่กับไพ่ และกิจกรรมแบบที่เคยเล่นตอนเด็กๆ เมื่อง่วงก็ค่อยเข้าไปนอน
25-26 มิ.ย. 55
สองวันที่ Open Steppe ประสบการณ์ที่นี่
นอกจากทุ่งหญ้าสีเขียวแบบเนินเขาเล็กๆ สุดลูกหูลูกตา อากาศที่เย็นกำลังดี ไม่หนาวจนเกินเหตุ
หล่อเรย คนเลี้ยงม้าของเรา
อาหารอร่อย (มีเนื้อแพะทุกมื้อเรย แต่ก็มาเบื่อพอดีตอนวันจะกลับ ก็ยังดี ถ้าอยู่นานกว่านี้มีเบื่อนะนี่)
เช่นเคย ต้องลองเบียร์ทุกที่ที่ไป
บทสนทนาที่น่าสนใจกับเพื่อนนักเดินทางคนอื่นๆ
กับเพื่อนใหม่ชาวมองโกเลียสองคน
ได้มีโอกาสไปเยี่ยมครอบครัวที่อาศัยใน ger เป็น nomad ตัวจริง ที่อยู่ไม่ไกลนักจากแคมป์เรา เดินไปครึ่งชั่วโมงได้ ไปเห็นการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายของเค้า มีข้าวของไม่ได้เยอะชิ้น เพราะต้องย้านไปเรื่อย ger หนึ่งหลังอยู่กัน 4 คน กลางวัน พ่อกับแม่ ออกไปทำงาน พาปศุสัตว์ ไปกินหญ้าแถบนี้ ส่วนลูกสองคนอยู่บ้าน เค้าคุ้นเคยกับการมีนักท่องเที่ยวมาแวะ เมื่อเราเดินไปที่ ger เค้าก็ออกมาต้องรับพร้อมชงนมอุ่น (นมแพะใส่เกลือนิดนึง)มาต้อนรับ กับชีสที่ทำเองและขนมปัง อืมมมมม อาหารเค้าไม่ได้มีรสชาติอะไรมาก นอกจากเค็มมัน สำหรับคนที่มาจากประเทศที่อาหารหลากรสชาติอย่างเรา แน่นอนสำหรับเราอาหารเค้าคือไม่มีรสชาติ แต่อาหารคืออาหาร มีไว้สำหรับกินเพื่ออยู่ เค้าจะได้มีโอกาสทำชีสไว้กินอย่างนี้ก็ต้องฤดูนี้ เพราะไม่หนาวจนเกินไป มีแดดสามารถทำให้ชีสที่ทำแห้งและเก็บไว้นานได้
เด๋วนี้ ger เค้าทันสมัยมีแผง solar เล็กๆ ทำไฟฟ้าใช้เองได้
โปรดที่สุดคือการขี่ม้า (มีชาวญี่ปุ่นมากันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ช่วงฤดูนี้ เพื่อมาขี่ม้าโดยเฉพาะ เพราะราคาถูกกว่าที่บ้านเค้ามาก ขี่กันทุกวัน วันละสามรอบ อยู่กันเป็น 2-4 สัปดหาห์กันเลย) ส่วนเราไม่ต้องขนาดชาวญี่ปุ่นหรอก เอาแค่วันละสองรอบ ก็เล่นเอาก้นแทบพังแล้ว ถ้าขี่ทุกวันคงชิน แต่นี่นานๆ ขี่ที เจ็บก้นอ่ะ แม้ว่าจะเจ็บก้น แต่ขี่แบบม้าเดินเยาะๆ ไปตามทุ่งหญ้า เพลินมาก ขอบอก
วันนี้ลองก่อนให้คุ้นเคยกับม้า
ซ้อมเดินกันไม่ไกลมาก แถวๆ แค้มป์ ประมาณหนึ่งชั่วโมง
วันนี้ขี่ม้าไปที่ Genghis Khan Statue ระยะทางเกือบสิบกิโลเมตรจากแคมป์ ตลอดทางก็จะเจอฝูงแพะ แกะ ที่มีทั้งคน และหมาต้อนมาเป็นระยะๆ
มาถึง Genghis Khan Equestrian Statue แล้วก็ต้องถ่ายรูปซะหน่อย ว่าขี่ม้าไกลนะวันนี้
ภายในพิพิธภัณฑ์ที่รูปปั้นเจงกิสข่าน
และอีกอย่างที่ประทับใจคือการแสดงของพนักงานที่แคมป์นี้ เป็นการร้องเพลง เต้นรำ เล่นดนตรีพื้นบ้าน และให้เราร่วมเล่นด้วย
ตบท้ายด้วยแต่ละคืนที่มีแสงจันทร์ มีหลายคนพยายามถ่ายภาพพระจันทร์แบบนี้ หนึ่งในนั้นมีเราด้วย แล้วก็นอนหลับสบายใน Ger
27 มิ.ย. 55
สายๆ วันนี้กลับเข้า Ulaanbaatar มีเวลาช่วงบ่าย ไปหาอะไรเผ็ดๆ ทานกับเพื่อนที่ไปเจอที่ Ger หนึ่งคนอเมริกัน อีกคน Indian American เค้า search พบร้านอาหารอินเดียที่น่าสนใจมาก เราสามคนไปกันเรย สั่งอาหารเยอะมากให้หายอยาก อร่อยมว๊าาาากกก
หลังจากอาหารเต็มท้อง พวกเราลองไปชมการแสดงของชาวมองโกเลีย ที่ศูนย์การแสดงวัฒนธรรมของเค้า
ทั้งหมดนี้ สามสาวโบกแทกซี่ คุยกับแทกซี่ทั้งมือ ทั้งหนังสือ ทำทุกสิ่งเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร จะไปไหน ไปร้านอาหาร ไปศูนย์การแสดงวัฒนธรรม และกลับโรงแรม สามคนช่วยกัน กลับถึงโรงแรมปลอดภัยดี
ล่ำลากันเรียบร้อย เพราะเราไปรถไฟคนละขบวน เค้าไปรัสเซีย เราไปจีน
28 มิ.ย. 55
แปดโมงเช้า รถไฟจาก Ulaanbaatar ไปกรุงปักกิ่ง เพื่อนร่วมเคบินเป็นผู้ชายอายุยังน้อย เดินทางไปทำธุระที่ปักกิ่งกับพี่สะใภ้ เป็นคนมีน้ำใจมาก ช่วยยกกระเป๋าขึ้นเก็บในชั้นเก็บของให้ด้วย พี่สะใภ้เพิ่งคลอดลูกได้ปีนึง เค้ายังต้องปั้มนมอยู่ ว่าแล้วเราก็ได้เห็นการปั้มนมของคนมองโกเลีย พี่สะใภ้เดินจากเคบินตัวเองมาที่เคบินน้องเขย บอกให้น้องเขยปิดประตู (ตัวน้องเขยยังอยู่ในเคบินกับเราและพี่สะใภ้ เราอยู่บนเตียงบน) เธอนั่งลงที่เก้าอี้นั่งด้านล่าง ควักเอาเต้าออกมาบีบนมใส่ขวดน้ำ (บีบเพื่อเอาไปท้ิง เพราะลูกไม่ได้มาด้วย) แม่เจ้า ก็เข้าใจนะว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เราเขิลลล์ 555
บรรยากาศเส้นทางรถไฟจาก Ulaanbaatar ไปถึงชายแดนประเทศจีน
รถไฟขบวนนี้ operate โดยรถไฟจีน
มองเห็นหัวขบวนจากโบกี้ที่ตัวเองนั่ง
บรรยากาศเมื่อจอดที่สถานี ก็คล้ายๆกันทุกสถานีไป มีคนมาขายของ มีผู้สนใจดูและซื้อ
ตลอดระยะทาง ยิ่งเข้าใกล้ชายแดนมองโกเลีย จีนเท่าไหร่ สีของหญ้าก็จะค่อยๆ เปลี่ยนจาก open steppe ไปเป็นทะเลทราย
ผ่านเข้าสู่เขตทะเลทรายโกบี Gobi Desert
คืนนี้เมื่อถึงชายแดนมองโกเลียและจีน เนื่องจากขนาดของรางรถไฟที่รัสเซียและมองโกเลียเป็นขนาดเดียวกันกับมาตรฐานยุโรป แต่เป็นคนละขนาดกับจีน ดังนั้นก่อนจะวิ่งบนรางของจีน ก็ต้องมีการเปลี่ยนล้อกันก่อน
29 มิ.ย. 55
หลังจากนอนซะเกือบเช้าเพราะตื่นเต้นกับปฏิบัติการเปลี่ยนฐานล้อรถไฟ ตื่นสายเลย ตื่นมาก็เจอว่าเมื่อผ่านเข้าสู่เมืองจีน บรรยากาศก็เปลี่ยนจากทะเลทรายเป็นแบบเขียวชะอุ่ม ของทั้งแม่น้ำ ภูเขา และแปลงเกษตรกรรม ตลอดเส้นทางจนถึงกรุงปักกิ่ง
บ่ายสองถึงกรุงปักกิ่ง แล้วก็ลากกระเป๋าจากสถานีรถไฟ ไปยังโรมแรมที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ชื่อ Paragon Hotel พักที่นี่หนึ่งคืน โรงแรมนี้สะดวกมาก เพราะมี shopping mall ด้วย ก็เดินไปหาอะไรทานได้ง่าย และมีของให้ซื้อเพียบถ้าใครชอบ shopping เรามาถึงจุดนี้ (มาเมืองจีนหลายครั้งแล้ว เลยไม่มีความอยากจะออกไปสำรวจอะไร บวกกับรู้สึกว่าทริปนี้สำเร็จแล้ว) อยากอาบน้ำให้สบาย relax ดีก่า
30 มิ.ย. 55
ทานอาหารเช้าเสร็จ check-out จากโรงแรม นั่งแทกซี่ไปสนามบินเพื่อบินกลับบ้าน เย้ เย้
#thaitraveltheworld
#mongolia#ulaanbaatar#ger#genghiskhan#beijing#china